#เดย์ไทม์นิวส์ออนไลน์# เกษตรแปลงใหญ่ชาไทยสู้ภัยแล้ง พลิกวิกฤติเป็นโอกาส แปรรูปใบแก่ชาไทยเป็นหมอนดับกลิ่นไร้สารเคมี

#เดย์ไทม์นิวส์ออนไลน์#

เกษตรแปลงใหญ่ชาไทยสู้ภัยแล้ง พลิกวิกฤติเป็นโอกาส แปรรูปใบแก่ชาไทยเป็นหมอนดับกลิ่นไร้สารเคมี

กรมส่งเสริมการเกษตร เผยไม่ต้องใช้น้ำมาก และไม่ปล่อยใบชาทิ้งเปล่าประโยชน์ เร่งส่งเสริมเกษตรกรแปลงใหญ่ชาแปรรูปใบแก่ “ชาไทย” เป็นหมอนดับกลิ่นไร้สารเคมี กรมส่งเสริมการเกษตร จัดทำโครงการความร่วมมือในการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการปลูกชา ในพื้นที่โครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยส่งเสริมให้เกษตรกรภาคเหนือปลูกชาทดแทนพืชเสพติด ตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของสถานีชาต็อกไลรัฐอัสสัม สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ปลูกชาอันดับสองของโลกรองจากจีน เพื่อพัฒนาการปลูกชาไทยหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าชาอัสสัมในประเทศไทย โดยผลการส่งเสริมการปลูกตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากเกษตรกร ทำให้มีพื้นที่การปลูกและผลผลิตชาไทยในประเทศเพิ่มขึ้น

นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ชาไทยหรือชาอัสสัม เป็นพืชที่เติบโตได้ดีภายใต้ร่มเงาของป่า ซึ่งป่าในประเทศไทยมีความชุ่มชื้นเหมาะแก่การเจริญเติบโตของชาชนิดนี้เป็นอย่างดี และในปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกชาไทยเป็นจำนวนมากในภาคเหนือ เช่น จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้เข้าไปแนะนำการปลูก ตลอดจนส่งเสริมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในเรื่องระบบน้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของยอดชาไทย ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด นำไปใช้ในการแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม และเพิ่มรสชาติในอาหารและขนมนานาชนิด แต่เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบน้ำ อาจทำให้ผลผลิตยอดอ่อนชาไทยมีปริมาณลดลง

กรมส่งเสริมการเกษตร จึงแนะนำให้เกษตรกรสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ชาไทย เก็บใบชาแก่มาแปรรูปเป็นหมอนใบชา เพื่อใช้ประโยชน์จากต้นชาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต ซึ่งใบชามีคุณสมบัติช่วยดับกลิ่นอับในจุดต่าง ๆ ของบ้านเรือน เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ตู้กับข้าว ห้องน้ำ ตลอดจนดับกลิ่นในรถยนต์ ได้อย่างปลอดภัยไร้สารพิษ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ จึงเหมาะที่จะใช้ทดแทนลูกเหม็นดับกลิ่นที่ผลิตจากสารเคมี และตอบโจทย์ผู้รักสุขภาพในปัจจุบันด้วย

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หมอนใบชา ยังมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น มีกลิ่นหอมช่วยทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย คลายเครียด เมื่อนำมาหนุนนอนจะช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิต และยังช่วยบรรเทารักษาโรคหวัด และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจคล่องอีกด้วย นอกจากนี้ กลุ่มนักเรียน และยุวเกษตรกรในพื้นที่ปลูกชาไทยในภาคเหนือ ยังมีการนำไปแปรรูปเป็นตุ๊กตาใบชาดับกลิ่นที่น่ารัก เหมาะสำหรับแขวนในรถยนต์ ตู้เสื้อผ้า หรือให้เป็นของขวัญ ของชำร่วย ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนเรียนรู้เรื่องการทำการเกษตรและการแปรรูปสินค้าเกษตรจากผลผลิตที่มีในท้องถิ่น และทำให้เยาวชนรู้สึกภูมิใจที่สามารถหารายได้ได้ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนผู้ปลูกชาอินทรีย์ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มแปลงใหญ่ชาบ้านแม่เลย ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์ 09 7918 2357 หรือ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ศรีนาป่าน-ตาแวน ต.เรื่อง อ.เมืองน่าน จ.น่าน โทรศัพท์ 09 8748 5704

#เดชา  อุ่นขาว  รายงานข่าว

Related posts